เฮลโหลลลล พอดีไปเสริมสวยเพิ่มเติมมานิดหน่อย ช่วงนี้หน้าเปลี่ยนไป สวยขึ้นแต่แบบไม่แน่ใจว่าเพราะอะไร ก็เลยมาเฉลยกันดีกว่า นั่นก็คือ…ฉีดฟิลเลอร์คางนั่นเองค่ะ และแน่นอนว่าเรื่องความสวยความงามบนใบหน้านั้นไว้ใจคุณหมอที่ ToB1 Clinic เช่นเดิมค่ะ
ให้ดูรูปก่อนทำค่ะ คือจ๊ะจ๋าหน้ากลม แก้มก็เยอะ เหนียงก็ไม่ธรรมดา ฉีดเมโสแฟตไปตั้งหลายรอบละ ก็ลงไปนะ แต่แป๊บๆมันก็กลับมาอยู่ดี ทีนี้มันแยกคางกับคอไม่ค่อยออกละค่ะ มันดูกลมกลืนกันไปหมด ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอออกมา โอยยย หน้ากลมอะไรเบอร์นั้น ถ้ามีคางยาวกว่านี้สักนิดก็คงจะต้องสวยขึ้นแน่ๆ นี่ก็เลยปรึกษากับคุณหมอนพว่าอยากจะฉีดฟิลเลอร์คางค่ะ แต่คุณหมอเค้าก็บอกว่าจ๊ะจ๋าก็มีคางอยู่แล้วนะ ไม่ต้องฉีดเพิ่มหรอก นี่ก็เลยงอนๆน้อยใจไปนิดนึง แต่ก็บอกว่าถ้าหนูมีคางอีกนิดจะสวยกว่านี้เยอะเลยนะหมอ ฮ่าๆ หมอก็เลยอ่ะ เอาที่สบายใจ แล้วแต่เลย
การเสริมคางสามารถทำได้ด้วยการเสริมซิลิโคนเลย ก็สวยแบบถาวรไปเลย แต่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ทำแล้วต้องพันผ้าเอาไว้ ต้องผ่าตัดซึ่งจะเจ็บกว่าแน่ๆ ส่วนฟิลเลอร์ก็เป็นสารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปแล้วไม่ต้องพักฟื้น แต่ไม่ถาวร ฟิลเลอร์ก็จะสลายไปเรื่อยๆ ฉีดแล้วอาจจะอยู่ได้ 6 เดือนถึง 1 ปี ก็ต้องมาฉีดใหม่ถ้าอยากจะสวย สลาย 100% หรือเปล่า ก็ไม่นะ ยังไงก็ไม่สลายหมดค่ะ
ฟิลเลอร์ที่นี่มีของ Juvederm กับ Restylane ค่ะ ของจ๊ะจ๋าใช้ Restylane 1ml.
นี่ก็ด้วยความอยากรู้ว่าทำไมถึงเลือกกล่อง Restylane แทนที่จะใช้ Juvederm ล่ะคะ คุณหมอนพบอกว่าอีกตัวมันจะเหลวกว่า มันจะไม่ค่อยเกาะ (ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) หมอบอกว่า Restylane จะปั้นสวยกว่าแล้วจะไม่เคลื่อนย้ายไปไหนง่าย ส่วน Juvederm เนี่ยเหมาะแก่การฉีดเติมเต็มบริเวณอื่นมากกว่าเช่นใต้ตา หางตา เป็นต้น
ราคา
1 cc เริ่ม 12,000.-
2 cc 22,000 .-
ตอนแรกคุณหมอจะฉีดทันทีเลย นี่ก็เลยขอตัวช่วยนิดนึงค่ะ ขออะไรเย็นๆมาประคบให้รู้สึกเย็นหน่อยได้มั้ยคะ อาจจะไม่ช่วย แต่ก็รู้สึกเย็นใจ ฮ่าๆ
จากนั้นก็เช็ดแอลกอฮอลให้ทั่วๆบริเวณที่จะฉีด
แล้วคุณหมอก็ทำการฉีดฟิลเลอร์ที่คางเข้าไปค่ะ คือตอนที่ฉีดเนี่ยไม่ได้เจ็บอะไรมากนะบอกเลย ฉีดโบท็อกซ์ยังจะเจ็บซะกว่า ตอนฉีดก็ค่อยๆฉีด ไม่ได้ฉีดเข้าไปแค่เข็มเดียวนะคะ ก็กระจายๆแล้วปั้นให้เข้ารูป ของจ๊ะจ๋าอยากได้ความยาวเพิ่มก็จะเน้นฉีดลงมาให้คางดูยาว
แทนแท๊นนนน เสร็จแล้วค่ะ ไม่ถึง 10 นาทีนะตอนที่ฉีด แป๊บเดียวเอง ไม่ได้เจ็บด้วย คุณหมอมือเบ๊าเบา
Before & After
โห~~~ เห็นความต่างชัดเจนมากๆค่ะ พอมีคางแล้วหน้าไม่กลมมากละ วีเชพสมใจอยากเลยทีนี้ งานเกาหลีต้องมา ฮ่าๆ
นี่ไงๆ พอมีคาง เหนียงก็จะไม่ชัดมากละ เวลาถ่ายรูปก็ดูเรียวขึ้นเลย มันดีตรงนี้
Q : เห็นข่าวหน้าพังเพราะฟิลเลอร์มาเยอะ ไม่กลัวหรอ
A : นี่คือคำถามที่ญาติๆถามจ๊ะจ๋าหลังจากที่เค้ารู้ว่าไปฉีดมา ด้วยความเป็นห่วงเนอะ ถามว่ากลัวมั้ย ก็ต้องกลัวสิ หน้าเสียโฉม ใครจะอยากให้เกิดล่ะจริงมั้ย แต่ที่กล้าทำก็เพราะว่าเลือกคลีนิคที่เปิดอย่างถูกต้อง คุณหมอมีประสบการณ์และเก่ง ไม่ใช้ฟิลเลอร์ปลอม ที่เห็นๆกันคือส่วนใหญ่ทำกับหมอกระเป๋า ซึ่งเอาอะไรมาผสมแล้วฉีดเข้าไปก็ไม่รู้ จะสวยทั้งทีก็ศึกษาดีๆค่ะ ถูกและดีอาจจะไม่ใช่ทุกอย่างค่ะ สำหรับตัวจ๊ะจ๋านั้นบอกเลยว่ากล้าฉีดแค่ตรงคางค่ะ (ในตอนนี้นะ) บริเวณอื่นยังไม่กล้า ฉีดให้จมูกโด่งก็ยังกลัว ที่กล้าฉีดคางเพราะคางอยู่จุดต่ำสุดของใบหน้า คือมันไม่น่าจะไหลไปไหนได้เนอะ
Q : หลังฉีดต้องดูแลยังไง ระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษ
A : หลังจากฉีดไปแล้วก็อย่าไปยุ่งกับคางมากค่ะ งดจับไปเลยสักสองอาทิตย์หรือหนึ่งเดือนเลยก็ได้นะ ล้างหน้า เช็ดหน้าได้เหมือนเดิมแต่เบาๆมือหน่อยในวันแรกๆเพราะอาจจะปวดนิดๆ ห้ามเท้าคางค่ะ เดี๋ยวคางเบี้ยวนะ งดแอลกอฮอลเพราะเดี๋ยวเลือดไปสูบฉีดแล้วจะทำให้เกิดอาการบวมช้ำได้ง่าย งดซาวน่า แช่น้ำร้อนในช่วงแรกๆ สักหนึ่งเดือนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมันจะสลายหายไป เสียดายเงินแย่เลย
ถ่ายรูปแล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเห็นเหนียงชัดๆอีกต่อไป เพราะคางทำให้หน้าดูยาว ดูเรียวขึ้นเห็นได้ชัดเลย
ราคาขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดเข้าไปค่ะ และก็โปรโมชั่นของทางคลีนิคด้วย บอกเลยว่าที่นี่จัดโปรมาเด็ดๆอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราสวยในราคาที่ประหยัดขึ้นด้วยนะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ToB1-Clinic
สาขาสยาม สแควร์ ซ.2 : 094-065-5441
สาขาฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต : 096-841-2899