สวัสดีค่าาาา บล็อคนี้จ๊ะจ๋าขอพื้นที่มาเห่อ + รีวิวเครื่องสำอางที่เพิ่งซื้อมาใหม่หน่อยนะคะ
พอดีว่าเมือปลายเดือนกุมภาได้ไปเที่ยวมาแล้วไปโฉบดิวตี้ฟรีก่อนบิน ก็เลยเสียทรัพย์ไปเบาๆ
สิ่งที่ดูดเงินออกจากกระเป๋าไปนั่นก็คือออออ The history of Whoo นั่นเองค่ะ
คือตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะซื้ออะไรหรอกเพราะว่าตอนนี้ก็มีเครื่องสำอางล้นบ้านอยู่แล้ว แต่ว่าพอไปลองเอาลิปมาสวอชสีเล่นๆ ดันติดใจ ออกมาจากภวังค์ไม่ได้ ก็เลยโดนไป 1 แท่ง และดันหันไปเห็น Cushion อีก ก็โดนไปด้วยเลย
อยากดูให้ได้อรรถรสและความเริ่ดที่ชัดเจน ก็ เข้าไปดูที่คลิปเลยค่ะ
อ่ะ! เผื่อใครที่แอบนั่งดูกระทู้นี้ในเวลางานแล้วเปิดคลิปไม่ได้ก็ดูภาพนิ่งไปก่อนเนอะ แล้วอย่าลืมกลับไปดูวีดีโอที่บ้านด้วยนะค้า เพราะไม่ได้ถ่ายรูปสวอชสีมา
The history of Whoo Whitening & Moisture Glow Cushion Foundation
เบอร์ 23
ปริมาณ 15 กรัม
ราคา 1,870 บาท (ในดิวตี้ฟรี)
เป็นคูชั่นที่เป็นรองพื้น ช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ผิวอิ่มน้ำ ให้ผิวดูดิวอี้ ดูโกลว
ป้องกันแสงแดดด้วยค่า SPF 50+/PA+++
มี 2 เบอร์ให้เลือก
– เบอร์ 21 สำหรับผิวที่ขาวมาก ทาแล้วอันยองอาเซโยเลย
– เบอร์ 23 สำหรับผิวขาวเหลือง สาวๆไทยที่หมวยๆยังรอดอยู่ แต่ผิวสองสีไม่รอดนะคะ
ในหนึ่งกล่องประกอบไปด้วยตลับพร้อมคูชั่นใส่อยู่ในตลับแล้ว และในถุงก็คือรีฟิลอีก 1 คุ้มค่ามาก
รูปอาจจะไม่สวยเท่าไหร่ เพราะถ่ายในที่พักตอนไปเที่ยวเนอะ ด้วยความที่เห่อมาก จะรอให้กลับมาถึงไทยก็ไม่ไหว ฮ่าๆ
เปิดตลับมาก็จะมีพัฟสำหรับเกลี่ยคูชั่นมาให้
มีสติกเกอร์ปิดมาเรียบร้อย จะใช้ก็ดึงสติกเกอร์ออกได้เลยเนอะ
หน้าตาเหมือนคูชั่นทั่วๆไป สี 23 ที่จ๊ะจ๋าเลือกมาเป็นโทนสำหรับผิวขาวเหลืองค่ะ
คูชั่นตลับนี้ให้การปกปิดดีงาม ผิวสวยแต่ไม่หนา ไม่หนักหน้า เนื้อเกลี่ยง่าย ผิวดิวอี้จริงๆ
เป็นเนื้อคูชั่นที่ดีมากๆเลยค่ะ คือติดผิวหน้าดีมากๆ ไม่มีหลุดลอก ไม่เป็นคราบ ผิวที่มีปัญหาเรื่องรูขุมขน เป็นสิว มีรอยสิวก็ใช้ได้ ผิวแพ้ง่ายอย่างจ๊ะจ๋าก็รอดด้วย ใช้แล้วไม่แพ้
จริงๆเหมาะสำหรับผิวแห้งมากๆค่ะ เพราะว่าตัวนี้จะช่วยเรื่องความชุ่มชื่น ผิวที่แห้งแต่งหน้ายากจะหมดปัญหาตรงนั้นเลย เพราะเครื่องสำอางเกาะหน้าดีมาก
ส่วนผิวมันก็ไม่ได้แปลว่าใช้ไม่ได้ อย่างจ๊ะจ๋าเนี่ยมีผิวผสมที่ค่อนไปทางผิวมันก็ยังใช้ได้แล้วก็เลิผด้วย แต่เราจะไม่ได้ลุคแมทก็เท่านั้นเอง หน้าเราจะดูดิวอี้แต่ไม่มันเงาเหมือนไปยืนทอดไก่
คือสาวผิวมันควรจะต้องลงแป้งฝุ่นทับค่ะ ส่วนสาวผิวแห้งก็ใช้แค่คูชั่นแล้วไม่ต้องลงแป้ง
The history of Whoo Luxury Lipstick เบอร์ 25 สี Coral
ปริมาณ 3.5 กรัม
ราคา 1,400 บาท (ในดิวตี้ฟรี)
แพ็คเกจสวยชนะเลิศเลยค่ะ เป็นแสตนเลสสีทอง (ไม่รู้เค้าเรียกแบบนี้รึป่าวนะ) มีลวดลายนูน
มีแปรงทาปากมาให้ด้วยติดอยู่ด้านบนแท่งลิป สามารถดึงออกมาและใส่เข้าไปใหม่ได้ เพราะเป็นแม่เหล็กค่ะ ตอนแรกที่ทำมันหลุดนี่ใจหายวาบเลยนึกว่าทำพังซะแล้ว ฮ่าๆ
ลิปสติกมีให้เลือกหลายเฉดสี แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสีอ่อนๆ ใสๆ ลุคนางเอกเกาหลีทั้งนั้นเลยค่ะ มีสีเข้มไม่กี่แท่ง แต่ก็ไม่ได้เข้มมาก เป็นสีเข้มที่ยังดูหวานๆใสๆ อารมณ์ประมาณซังกุง
จ๊ะจ๋าเลือกสี Coral มา เป็นสีชมพูอมส้มเล็กน้อย สีหวานมากๆค่ะ
มีประกายชิมเมอร์ ลิปสติกมีกลิ่นหอมมากๆ หอมแบบไฮโซ เป็นกลิ่นที่จ๊ะจ๋าคิดว่าไม่ซ้ำกับยี่ห้อไหนๆเลย
ในรูปคือใช้ทั้งคูชั่นและลิปสติกเลยค่ะ ได้ลุคที่ผิวดีและสวยใสมากๆ
บอกเลยว่าลุคแบบนี้ผู้ชายชอบค่ะ ฮ่าๆ
วันนั้นที่แต่งลุคนี้มีแต่ผู้ชายเหลียวมองตลอดเลย ผู้หญิงด้วยกันยังมอง เพราะผิวดูผ่องใส ลิปก็ชั่วยขับผิวอีก โอยยยย ปลื้มมาก
หลังจากนั้นก็แต่งหน้าแบบนี้เป็นเอวรี่เดย์ลุคเลยค่ะ
อยากให้เห็นชัดๆ ในรูปอาจจะดูไม่ชัดเจนมาก กดเข้าไปดูในคลิปจะเห็นสีและระดับการปกปิด ความเป็นผิวของคูชั่นได้ดีกว่าค่ะ
หวังว่าจะชอบรีวิวนี้กันนะคะ นี่รีบทำรีวิวเลย เพราะเห่อมาก เลิฟมาก นี่นั่งเพ้อหนัก อยากจะได้ลิปอีกหลายสีเลย ฮ่าๆ
ฝากกดไลค์+ แชร์ด้วยนะค้าาาา จุ๊บๆ