สวัสดีค่ะ บล็อคนี้จ๊ะจ๋ากระตือรือร้นนั่งอัพอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเดี๋ยวจะลืมข้อมูลซะก่อน
ทริปสมุย เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 6-9 สิงหาคม 2558 คือทริปนี้จ๊ะจ๋าไม่ได้รู้เรื่องตารางการเดินทาง สถานที่จะไปเที่ยวหรือที่พัก คือไม่รู้อะไรเลย เป็นครั้งแรกที่ไปเที่ยวโดยไม่มีข้อมูล อาศัยเพื่อนใหม่ที่จะไปทริปนี้เค้าจัดการไว้หมดแล้วก็เลยไปแบบมึนๆเลยค่ะ
ทริปนี้บินกับแอร์เอเชียค่ะ ไฟลท์ 9.50 น. นัดกันกับเพื่อนๆ มาถึงดอนเมืองตั้งแต่ 7.30 น. กว่าจะมากันครบก็ 8 โมงกว่าละ เช็คอินแล้วเข้าไปทาน KFC เป็นมื้อเช้าด้านในค่ะ
เดินทางมาถึงสนามบินสุราษฎร์แล้วค่ะ จ๊ะจ๋าเคยมาสุราษฎร์หลายครั้งกับครอบครัวแต่ไม่เคยนั่งเครื่องบินมาเลย เพราะปกติก็ขับรถเล่นๆจากภูเก็ตมาค่ะ ที่นี่มีช่องรับกระเป๋าแค่ช่องเดียวเลย คนเลยรุมกันเยอะอย่างที่เห็น
สนามบินค่อนข้างเล็กมากค่ะ
เดินออกมาข้างนอกเพื่อขึ้นรถต่อไปยังท่าเรือเฟอร์รี่เพื่อข้ามไปยังเกาะสมุย เพื่อนได้ทำการซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้ว
ทีแรกก็นึกว่าจะต้องขึ้นรถบัสไป แต่ว่าพวกเราได้นั่งรถตู้ไปค่ะ 8 คนก็เกือบเต็มคันละ
เซลฟ์ฟี่กันสักนิด
แล้วก็มารอขึ้นเรือเฟอร์รี่ เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่ไม่ได้ขับรถไปเกาะสมุย
เมื่อถึงเวลาก็เดินขึ้นเรือค่ะ ถ่ายรูปมาได้น้อยมาก เพราะตอนที่เดินขึ้นเรือจู่ๆฝนก็ตกซู่เลย ลมแรงมาก เปียกเลยทีเดียว
เรือลำนี้ค่อนข้างใหญ่ค่ะ เข้ามานั่งในห้องผู้โดยสาร มีแอร์นะไม่ต้องกลัวร้อน ระหว่างทางก็ผะอืดผะอม แอบเมาเรือ
บนเรือมีขายอาหารและเครื่องดื่ม มีร้านนวดด้วยค่ะ
มาถึงฝนหยุดตกแล้ว เย่ !
ก็เดินตามทางเดินไปจะเจอคิวรถตู้กับรถสองแถว ก็บอกไปว่าจะไปบ่อผุดซึ่งเป็นที่พักทริปนี้ค่ะ
เค้าบอกว่าขึ้นสองแถวคนละ 50 บาท ถ้าขึ้นรถตู้คนละ 70 บาท ก็เลยขึ้นรถตู้กันค่ะ
ถึงปากซอยที่พักแล้วค่ะ ต้องเดินขึ้นเนินไปไกลพอสมควร เกือบๆกิโล แล้วทางค่อนข้างชัน+กระเป๋าเดินทาง สปีดการเดินนี่เป็นหอยทากเลย เหนื่อยมากค่ะ
เข้ามาเช็คอินด้านใน ที่นี่พนักงานบริการดีมากค่ะ ให้คำแนะนำดี มีทริปขายด้วย
เค้าบอกว่าถ้าเหมารถตู้จากท่าเรือมาถึงหน้าที่พักเลยคันละ 600 บาท นี่จ่ายไปก็ 560 บาทละยังต้องเดิน พลาดมากๆ
มากัน 8 คน แบ่งกันนอนห้องละ 4 คนค่ะ เป็นห้องใหญ่ที่มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ
เนื่องจากห้องพักเต็มเลยได้อยู่กันคนละชั้น คือชั้น 1 และชั้น 4
ในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากค่ะ เครื่องซักผ้า ที่รีดผ้า เตาไฟฟ้า หม้อ กระทะ มีด ช้อน ส้อม จานชามมีหมด คือพร้อมทำอาหารได้แบบสบายมากๆ
ห้องน้ำในตัว 1 ห้อง
ไม่ทันได้ถ่ายรูปห้องนี้ค่ะ โดนสร้างแลนด์มาร์กเรียบร้อย
อีกห้องนอนทางซ้ายมือค่ะ ทั้งสองห้องนอนจะมีประตูเปิดออกระเบียงได้ค่ะ เป็นวิวสระว่ายน้ำ
ห้องน้ำด้านนอกเป็นฝักบัว
มีสระว่ายน้ำเล็กๆ คือเล็กจริงๆ
หลังจากเก็บกระเป๋าก็ลงมาหาข้าวทานใกล้ๆที่พัก เจอร้านข้าวแกงก็สั่งไปเยอะมาก ฟาดเรียบอย่างผู้หิวโหย
แล้วก็เข้าที่พักเล่นน้ำกันก่อนค่ำๆค่อยออกไปเดินเล่นที่เฉวงค่ะ
ให้ทางที่พักเรียกรถตู้มาส่งที่เฉวงค่ะ ให้จอดตรงหน้า ARK BAR เลย
รถตู้ไม่ฟรีนะคะ จ่ายราคาเหมาขาละ 700 บาท
เดินเข้าไปดู ARK BAR แล้วก็ออกมาข้างนอกเพื่อหาข้าวทานก่อนไปดริ๊งค่ะ
สุ่มเลือกร้านนี้ล่ะ
สั่งกับข้าวมาแบบนี้ 2 ชุดค่ะ อาหารอร่อยดีทุกเมนูเลย แต่พะแนงกุ้งน้ำมันเยอะไปหน่อย นึกว่าแกงเลยทีเดียว
เดินเข้ามา ARK BAR ค่ะ เดินเข้าไปสุดเลยถึงจะเจอนะคะ
ไปถึงฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ก็เลยเข้ามานั่งที่มีหลังคาดีกว่า
ที่นี่มีเมนูเครื่องดื่มเยอะมากค่ะ ราคาก็ปกติ ไม่ได้แพงจนเกินไป
สั่งเบียร์ไป 1 ทาวเวอร์ สาวๆก็ดื่มค็อกเทลไป จ๊ะจ๋าจัดทั้งคู่เลยค่ะ ดื่มไม่นานก็กลับค่ะ ประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ เพราะตอนเช้าเพื่อนๆจองทริปไปดำน้ำกันไว้ รถตู้เค้าจะมารับ 7 โมงครึ่งเลย
อีกวันจ๊ะจ๋าตื่นมาสายๆ ทานขนมปังอยู่ที่ห้องแล้วนั่งอัพบล็อคนิดหน่อยค่อยออกมาข้างนอกประมาณบ่ายสองโมงค่ะ
เดินออกมาคนเดียวจากที่พัก เรื่องไกลไม่ใช่เรื่องใหญ่ จ๊ะจ๋าเดินได้สบายมากค่ะ แต่ว่าเป็นผู้หญิงเดินอยู่คนเดียว แล้วทางเดินต้องผ่านหลังวัด ตอนแรกก็คิดว่าในวัดคงปลอดภัยไม่มีอะไรมั้ง พอเข้าไปเท่านั้นล่ะ เจอแต่คนงานต่างด้าวกำลังเก็บเต๊นท์งานวัดค่ะ ทั้งวิ่งมาแซว เดินตาม หัวเราะชอบใจกันใหญ่ น่ากลัวมากค่ะ กึ่งเดินกึ่งวิ่งเลยตอนนั้น น้ำตาจะไหล กลัวไปหมด พอออกมาเจอถนนใหญ่ก็รู้สึกโล่งละ
เดินไปถึง Fisherman’s Village ค่ะ จริงๆต้องเดินตอนเย็นถึงจะถูก เพราะวันศุกร์จะมีถนนคนเดินเต็มสองข้างทางค่ะ น่าจะคึกคักน่าดู แต่จ๊ะจ๋าออกมาแล้วนี่เนอะ ก็เดินเล่นเลย
เดินมาจนสุดทางซ้ายมือจนเจอเดอะวอร์ฟเลย ฟ้าเริ่มครึ้มละ
ถ่ายรูปบรรยากาศในเดอะวอร์ฟมาส่วนหนึ่งค่ะ ส่วนใหญ่เป็นร้านค้าขายของที่ระลึก เสื้อผ้า ของชำร่วยต่างๆที่เน้นขายต่างชาติอ่ะค่ะ
ได้ทานแต่ขนมปังตอนเช้า เดินมาถึงนี่ก็บ่ายสองกว่าละ เริ่มหิว สุ่มเข้าสักร้านเลยละกัน
เลือกเข้าร้าน Bar baguette ค่ะ สั่งบลูเบอร์รี่ชีสเค้กกับพายไก่ซอสขาวแล้วก็ชาเขียวร้อน ทั้งหมด 320 บาทค่ะ
ด้วยความหิวเลยสั่งไป 2 อย่างลืมแคลลอรี่เลยทีเดียว
อย่างที่คิดไว้เลย เข้ามานั่งได้ประมาณ 5 นาทีฝนก็ตกหนักซู่ๆเลยค่ะ
ร้านที่ตั้งใจเดินมาจะมานั่งคือร้านนี้เลย แต่เห็นมีป้ายห้ามเข้ารอบร้านเลยค่ะ ก็เลยแห้วไป อาจจะกำลังทำร้านอยู่ เป็นร้านที่ดูชิลดี
ระหว่างที่นั่งทานขนมรอฝนหยุดก็โพสรูปลง Facebook ตามปกติ ก็มีเพื่อนทักมาว่าเค้าทำงานอยู่ที่สมุยและวันนี้เป็นวันหยุด เลยถามทางไปหินตา-หินยาย คุยกันไปคุยกันมาเค้าเลยอาสาพาเที่ยวเลย ด้วยมอเตอร์ไซค์ค่า นี่ก็ยิ้มเลยสิ ไม่เหงาแล้ววว
ส่วนนี่หินยายค่ะ
เดินข้ามมาฝั่งหินตามั่ง วิวทะเลสวยดีค่ะ
จากนั้นก็แวะจุดชมวิว หาดละไม
มีทางเดินลงไปข้างล่างด้วย
เข้าเฟรมสักหน่อย จริงๆชวนเพื่อนถ่ายด้วยแต่เค้าเขินก็เลยมีแต่รูปคนเดียวเลย
จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์มายังหาดเฉวงต่อค่ะ ทำเวลามากเพราะใกล้ค่ำแล้ว
ตรงหาดนี้คนเล่นน้ำกันเยอะอยู่ค่ะ มีเจทสกีเยอะด้วย
ดีใจหน้าบานเลย
หลังจากเดินเล่นหาดเสร็จก็แวะทานมื้อเย็นกันที่ร้านส้มตำ แต่จำชื่อไม่ได้ค่ะ สั่งกันเต็มที่เลย สามสาวหิวมาก
แล้วเพื่อนก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งถึงหน้าที่พักเลยค่ะ เพื่อนคนอื่นๆที่ไปออกทริปก็กลับมากันแล้ว เค้าไปเดินเล่นถนนคนเดินกันต่อ แต่จ๊ะจ๋าไม่ไปแล้วค่ะ ขึ้นห้องเลย
8.30 น. รถตู้ก็มารับถึงที่พักไปส่งที่ท่าเรือเพื่อเดินทางกลับสุราษฎร์ค่ะ ที่ต้องออกตั้งแต่เช้าเพราะว่าทำเวลาค่ะ ต้องเดินทางไปที่เขื่อนรัชประภากันต่อ