วันที่ 2 ของทริปโอซาก้าค่ะ คืนแรกก็นอนประมาณตี 1 เห็นจะได้ ตื่นนอน 6 โมงเช้าแล้วอาบน้ำแต่งตัวลงมาทานอาหารเช้าค่ะ วันนี้จะไปเที่ยวเกียวโตตามประสาสองคนพี่น้อง งูๆปลาๆหลงๆสนุกดีนะ 😛
ตอนที่จองห้องพักมาคือรวมอาหารเช้า แต่พอมาเห็นสภาพอาหารเช้าถึงกับสลด รู้งี้เลือกแบบไม่มีอาหารเช้าก็ได้มั้ง เดินไปใกล้ๆก็มีร้านอาหารเปิดเยอะแยะ
มีแค่ขนมปังก้อนๆกับไข่ต้ม นำขนมปังไปอุ่นในตู้อบก่อน ถ้าจำไม่ผิดก็มีขนมปังไส้หวาน ขนมปังชีสแล้วก็แบบธรรมดา ส่วนไข่ต้มนั้นจิ้มเกลือทานค่ะ ถ้ามีแม็กกี้พริกไทยจะดีมากเลย
เช้านี้อากาศยังคงเย็นค่ะ ประมาณ 16 องศา นี่ขนาดเวลาเกือบ 9 โมงเช้านะ
ใต้สถานีมีตู้ไอติมที่เดินผ่านทุกวัน น้องสาวก็หยอดตู้ทุกวัน ทานครบเกือบทุกรสเลยทีเดียว ตอนเช้าก็แวะหยอดตู้มาก่อน 1 อัน หม่ำๆไอติมท่ามกลางลมเย็นๆ บรื๋อออออ
เนื่องจากยังไม่เช้ามาก และสถานี Kyobashi ไม่ได้อยู่ใจกลาง ก็เลยได้บรรยากาศเงียบๆแบบนี้ค่ะ
ซื้อตั๋วไปสถานีโอซาก้าเพื่อนั่งไปเกียวโตค่ะ จริงๆแล้วเลือกสถานีเกียวโตได้เลย แต่ด้วยความที่ยังเช้าอยู่ นี่ก็เบลอจัดซื้อมาแค่นี้ สุดท้ายก็จ่ายเงินปลายทางที่เกียวโตเลยค่ะ
เดินทางไป Kyoto ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที คนละ 800 Yen
นั่งรถไฟ Osaka loop line ไปลงสถานี OSAKA [ Arrival track No.1 / Departure track No.9 ] นั่งรถไฟสาย JR Special Rapid Service (Kyoto Line) ลงสถานี Kyoto
TIPS : สุดคุ้มด้วยบัตรสุดประหยัดประเภทต่างๆในการเดินทางในเกียวโต หาซื้อได้ที่ Kyoto Tourist Information Center ชั้นสองสถานีเกียวโต
– 1 day pass city bus 500 เยน เป็นตั๋ววันของเกียวโต นั่งรถประจำทางคันไหนก็ได้ไม่จำกัด การใช้งานครั้งแรกต้องสอดบัตรเข้าไปในเครื่องตรวจบัตร แล้วเครื่องก็จะลงวันที่ เอาไว้ จากนั้น ครั้งต่อไปเราก็ค่อยยื่นบัตรให้คนขับดูโดยไม่ต้องสอดบัตร
– kyoto sight seeing card ใช้สำหรับขึ้นรถประจำทางและรถไฟใต้ดิน (subway) ของเมืองเกียวโต และมีสิทธิพิเศษลดค่าตั๋วตามสถานที่ต่างๆด้วย มีสองแบบคือแบบ 1 day 1200 เยน กับแบบ 2 days 2000 เยน
Cr.http://www.kyoto1day.com/
TIP : ขึ้นบันไดเลื่อนที่เกียวโตยืนชิดซ้ายนะคะ ที่โอซาก้าชิดขวาค่ะ
จ๊ะจ๋าเช่าชุดกิโมโนไว้เลยต้องนั่งใต้ดินจากสถานี Kyoto ต่อมายัง Gojo ค่ะ โผล่ออกมาเจอเมืองที่เงียบสงบมากค่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นเวลา 10.30น. แล้ว
เมื่อโผล่ขึ้นมาจากใต้ดินก็เดินตรงมาเรื่อยๆจะเจอร้าน Yumeyakata อยู่ทางซ้ายมือค่ะ จ๊ะจ๋าได้ทำการจองชุดเอาไว้ใส่เที่ยว แนะนำว่าควรจองล่วงหน้านะคะ คนเยอะมาก นี่จ๊ะจ๋ามาก่อนเวลานัด เค้ายังไม่ให้เข้าร้านค่ะ ให้มาตรงเวลาเป๊ะๆ ซึ่งคิวของจ๊ะจ๋าคือ 11 โมงค่ะ
จองผ่านเว็บไซต์ http://www.yumeyakata.com/
ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆ เจอซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆค่ะ เข้าไปนี่เจอแต่คุณลุงคุณป้าเต็มร้านเลย ของถูกกว่าตามร้านสะดวกซื้อและในห้างมาก อาหาร ของสด ขนมปังเยอะมากกกก รู้สึกตื่นตาตื่นใจ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะไม่รู้ว่าเค้าอนุญาตหรือเปล่า
เห็นพวกชูครีมนี่เป็นไม่ได้เลย หยิบมาลอง 1 ชิ้น ก็อร่อยนะ
ถึงเวลาแล้วค่า เค้าจะให้ถุงพลาสติกเรามาใส่รองเท้า แล้วเดินเท้าเปล่าเข้ามานะคะ เอารองเท้าใส่ถุงถือขึ้นมาด้วย ไม่อนุญาตให้นำน้ำและเครื่องดื่มเข้ามาค่ะ
ขึ้นมาชั้น 2 เลย ก็ไปแจ้งชื่อกับพนักงานแล้วเค้าก็จะพามามุมนี้ให้เราเลือกกิโมโนได้ตามสบาย เลือกที่ชอบเลย
ที่จองไว้ราคา 2,500 Yen ค่ะ แล้วก็จองทำผมไว้ด้วยอีก 1,500 Yen (ราคายังไม่รวม Tax 8% นะคะ)
สาวๆเยอะมากกกก ทั้งคนญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ
ตรงนี้คือเสื้อซับในค่ะ ปกติเค้าจะมีตัวในให้เป็นปกคอสีขาวธรรมดา ถ้าอยากได้เป็นลายก็จ่ายเพิ่มอีก 500 Yen จ๊ะจ๋าเลือกแบบธรรมดามาค่ะ เพราะยังนึกภาพไม่ออกก็เลยไม่เลือก แหะๆ
แล้วก็มาเลือกผ้าคาดเอวต่อเลย ก็จะมีพนักงานคอยช่วยแนะนำตรงจุดนี้นะ แต่ด้วยความมั่นใจของตัวเองก็เลยเลือกเอง แต่จริงๆแล้วเปล่าเลย คนเยอะเลยขี้เกียจวุ่นวายค่ะ เอาที่ชอบเลยละกัน
แล้วก็ถือของทั้งหมดไปยืนเข้าคิวเพื่อให้เค้าเช็คและบอกราคา
จะเห็นว่ากิโมโนมุมนี้สีสันสดใสสวยงามมาก ราคาก็เช่นกันค่ะ ดูแล้วน่าจะร้อนมากเลยไม่ได้เลือกแบบนี้มา
บอกชื่อเรากับพนักงานแล้วเค้าจะให้เราเอาเงินมาจ่ายที่แคชเชียร์ก่อนค่ะ
การคืนชุด
– คืนภายในวันเดียวต้องมาคืนก่อน 1 ทุ่มครึ่ง
– ถ้าพักที่เกียวโตก็สามารถคืนได้ในอีกวันก่อน 5 โมงเย็นโดยจะต้องจ่ายเพิ่ม 1,000 Yen ค่ะ
แล้วก็เดินขึ้นมาอีกชั้นเป็นห้องแต่งตัวค่ะ ในห้องนี้เค้าห้ามถ่ายรูปเนอะ
คือเข้าไปแล้วจะมีแต่ผู้หญิงค่ะ จ๊ะจ๋าเข้ามาแล้วไม่มีคิวพอดีก็เลยได้ไปยืนรอหน้ากระจกเลย ถ้าคนที่มาแล้วคิวเต็มก็นั่งต่อคิวที่เก้าอี้ไปก่อนค่ะ พนักงานจะให้เราถอดชุดออกหมดเลยเหลือแต่ชุดชั้นใน แล้วก็ใส่ถุงเท้าของเค้าค่ะ มีให้นะ
ในขั้นตอนการใส่ชุดคือหลายชั้นมาก จ๊ะจ๋าก็ใส่ชุดไทยมาก็บ่อยนะ (เมื่อก่อนเคยอยู่ชมรมนาฏศิลป์เลยรำไทยบ่อย) แต่มาเจอชุดกิโมโนนี่ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วก็ไปอีกชั้นเพื่อไปทำผมค่ะ ห้องนี้เค้าก็ไม่ให้ถ่ายรูปอีกเช่นกัน ก็เลือกทรงผมมา 1 ทรงจาก 6 ทรงผมให้เลือก แล้วจ๊ะจ๋าเห็นว่ามันยังดูโล่งๆก็เลยซื้อพินดอกไม้มา 1 อันประมาณ 700 Yen มั้งคะ
แล้วก็ไปอีกชั้นเพื่อเอากระเป๋าของเรา สัมภาระต่างๆไปฝากค่ะ เลือกกระเป๋าได้ 1 ใบ ซึ่งมันกระจุ๋มกระจิ๋มมาก ใส่ได้นิดหน่อยเท่านั้นค่ะ แล้วก็มาชั้นล่างสุดเลือกเกี๊ยะค่ะ ตอนแรกก็นึกว่าต้องลำบากแน่ๆใส่เกี๊ยะไม้ แต่เปล่าเลย ของร้านนี้เป็นพลาสติกมีน้ำหนักเบาและเดินง่ายค่ะ
ทาด้าาาาาาา คาวาอี้รึยังคะ
เนื่องจากใช้เวลาแต่งตัวไปเกือบๆ 2 ชั่วโมงก็เริ่มหิว (อีกแล้วหรอ) ก็เลยแวะเข้าร้านหมูทอดใกล้ๆเลยค่ะ ทั้งร้านเต็มไปด้วยผู้ชายทั้งนั้นเลย
จากนั้นก็เดินลงบันไดใต้ดินแล้วเดินทางกลับไปยังสถานี Kyoto ก่อนค่ะ แล้วก็ไป วัดทอง คินคะคุจิ (Kinkakuji) (เปิด 09.00-17.00น.)
นั่งใต้ดินสาย Kyoto City Subway Karasuma Line ลงสถานี KITAOJI (260 Yen) และนั่งรถบัสสาย 101 หรือ 205 (220 Yen) จากสถานี Kitaoji ไปลงที่สถานี Kinkakuji-michi (จอดตรงข้ามวัด)
TIP : วิธีขึ้นรถเมล์ในเกียวโต คือ ขึ้นจากประตูหลัง แล้วลงประตูหน้า เวลาขึ้นรถบัสก็แค่โชว์บัตรที่ซื้อ ไม่ต้องหยอดลงไป (ในกรณีที่ซื้อบัตรเดินทาง) แต่ถ้าไม่มีบัตรล่ะ ก็ขึ้นได้ค่า เหมือนกันคือขึ้นจากประตูหลัง เวลาจะลงก็หยอดเหรียญที่ข้างคนขับ เค้ามีทอนให้ด้วยนะ
เซลฟี่กันตามประสา
ระหว่างนั่งรถบัสก็นั่งมองวิวข้างทางไปเรื่อย เมืองเค้าจะเงียบๆไม่พลุกพล่านค่ะ
ลงจากรถบัสก็เดินตามคนหมู่มากไปเลยค่ะ นี่ก็คิดว่าต้องไปวัดเดียวกันแน่ๆ 5555
ระหว่างทางเดินไปวัดก็เจอร้านขายขนมแล้วขายไอติมด้วย มีรึจะพลาด แวะก่อนค้าบบบบบ
เดินมาเรื่อยๆเข้าเขตวัดแล้วค่ะ เดินผ่านประตูไปต้องจ่ายค่าเข้าชมวัดก่อนนะคะ คนละ 400 Yen ค่ะ
เมื่อจ่ายเงินแล้วก็เดินเข้ามาได้เลยค่ะ จุดนี้เป็นจุดแรกที่จะเห็นเลย วัดทองคินคะคุจิค่ะ
ก็ยืนถ่ายรูปกันตรงนี้เนอะ สีทองอร่ามสวยงามมากค่ะ ได้แต่ถ่ายรูปนะคะ เข้าไปข้างในไม่ได้
มีทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีน ชาวไทยมาขอถ่ายรูปด้วยเต็มไปหมดเลย นี่ถ้าคิดค่าถ่ายด้วยคนละ 100 Yen ก็น่าจะได้เยอะอยู่นะ
เดินชมวัดไปเรื่อยๆค่ะ มีที่ขอพรด้วย ก็ไปยืนโยนเหรียญแล้วก็ขอพรกันไป ไม่รู้ว่าพระที่นี่จะฟังออกมั้ยนะ อิอิ
ตามทางออกก็จะมีขายขนมขนมฝากเพียบ ตรงนี้ล่ะพีคเลย เค้ามีให้ชิม นี่ก็ชิมทุกร้าน อร่อยหมดเลยค่าาา ก็ได้ติดไม้ติดมือกลับมาเพียบ
ตรงนี้ขายป้ายเครื่องลางค่ะ
จากนั้นก็ไปต่อกันเลยค่า ตั้งใจจะไป วัดคิโยะมิซุ (Kiyomizu-dera) แต่ดันหลงค่า ก็เลยถามทางคนแถวนั้น ไม่มีใครเข้าใจภาษาอังกฤษเลย ก็เลยมุ่งไปหากลุ่มเด็กนักเรียน ก็ไม่ได้ความอะไรค่ะ เข้าป้อมตำรวจเค้าก็งง สุดท้ายเจอคุณลุงคนนึงเค้าพาเดินไปขึ้นรถบัส ก็นึกว่าบัสไปถึงวัด แต่ที่ไหนได้ บัสพากลับมาที่สถานีเกียวโตค่ะ T^T ก็เลยต้องเริ่มต้นกันใหม่
ที่สถานีเกียวโตจะมีทั้งใต้ดินและสถานีรถบัส จ๊ะจ๋าเดินออกมาตรงที่รถบัสแล้วเข้าที่ Information เพื่อถามว่าต้องขึ้นรถคันไหน เค้าก็บอกมาให้ไปขึ้นเบอร์ 100 ก็เดินไปที่ชานชาลาก็เห็น Destination Gion พอดี อ๊าาา มาถูกแล้ว ก็ขึ้นไปนั่งบนรถบัสอีกรอบ ใช้เวลาเดินทางจากสถานีเกียวโตไป Gion ประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะ ในการขึ้นรถบัสแต่ละครั้งประมาณ 270 Yen ค่ะ
พอลงมาปุ๊บก็เข้าซอยอะไรไม่รู้ เห็นสวยดีเลยแวะถ่ายรูปก่อน อิอิ
เดินมาเรื่อยๆก็เจอศาลเจ้ายาซากะ ตอนนี้ประมาณ 4 โมงเย็นแล้วค่ะ คาดว่าไปอีกวัดไม่ทันแล้ว เพราะเสียเวลากับการหลงทางไปเยอะมาก ก็เลยเดินเล่นในศาลเจ้านี้เลยละกัน จ๊ะจ๋าเดินเข้าไป คนก็เดินสวนทางออกมาค่ะ เค้าเริ่มกลับบ้านกันละ
ศาลเจ้ายาซากะหรือศาลเจ้ากิออน เป็นอีกหนึ่งศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงในเกียวโต ถูกสร้างขึ้นประมาณ 1350 ปีก่อน ศาลเจ้านี้ตั้งอยู่ในย่านกิออนและย่านฮิกาชิยาม่า อาคารหลักถูกออกแบบโดยเป็นการรวมระหว่างฮอนเดน (honden) และไฮเดน (haiden) ด้านหน้าของอาคารหลักนี้เป็นศาลาที่มีโคมไฟหลายร้อยอันแขวนอยู่ ถ้าในช่วงเย็นๆจะมีการเปิดไฟที่โคมสวยงามมาก โคมแต่ละอันได้มาจากการบริจาคของร้านค้าต่างๆในเกียวโต
ศาลเจ้ายาซากะนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในการจัดเทศกาลเฉลิมฉลองกิออนมัทซุริ (Gion Matsuri) ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี นอกจากนี้ในช่วงเดือนเมษายนที่มีดอกซากุระบานก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ผู้คนนิยมมาท่องเที่ยวอีกด้วย
Cr. http://www.talonjapan.com/
ก็ถ่ายรูปเล่นกันไป
แล้วก็แวะถ่ายรูปที่ Gion หน่อยนึง ที่นี่คนเยอะมากกกก ถ้าได้มาเดินตอนค่ำๆน่าจะสวย แต่น่าเสียดายที่จ๊ะจ๋ากับน้องสาวไม่ได้จองที่พักไว้ที่เกียวโตด้วย ก็เลยต้องรีบเดินทางกลับไปที่ร้านเช่าชุดเพื่อเอาชุดไปคืนเค้า ครั้งหน้าจะมาใหม่นะเกียวโต จะจัดเต็มเที่ยววัดให้เยอะกว่านี้แน่ๆ
เดินทางกลับ Osaka
นั่งใต้ดินสาย Kyoto City Subway Karasuma Line ลงสถานี KYOTO [ Departure track No.5 ] นั่งต่อไปรถไฟ JR Special Rapid Service ลงสถานี Osaka
เมื่อเดินทางกลับจากเกียวโตแล้วก็มาถึงสถานีโอซาก้า แวะเดินเล่นที่นี่ก่อนเลย แอบเล็งคาเฟ่โคนันไว้ตอนเช้า ก็เลยกะว่าจะมาทานมื้อค่ำที่นี่ แต่คิวนานมากบวกความหิวโหยเลยต้องขอบาย ภารกิจต่อคิวไม่สำเร็จค่ะ ซื้อแค่ตุ๊กตาแล้วกลับเลย แหะๆ
เดินเข้ามาในห้าง ดูขนมนู่นนั่นนี่เยอะแยะน่าทานเต็มไปหมด แล้วจ๊ะจ๋าก็ไปสะดุดกับมันหวานที่จ๊ะจ๋าชอบทาน ก็เลยแนะนำบอกให้น้องสาวลองทานดู ซื้อมายืนทานกันแถวนั้นเลย รองท้องก่อนไปทานข้าวค่ะ
รสชาติมันของร้านนี้หวาน นุ่ม อร่อยค่ะ
จากที่สถานีโอซาก้าก็ไม่รู้จะทานอะไรดี ก็เลยบอกน้องว่าไปแถว Dotonbori ดีกว่า
ก็เลยเดินไปที่ใต้ดิน (Umeda) แล้วนั่งไปลงที่สถานี Namba ค่ะ เดินไปเรื่อยก็จะเจอบรรยากาศแบบในรูปเลยค่ะ
ระหว่างทางที่เดินไป Dotonbori ก็มีคู่ชาย- หญิงชาวญี่ปุ่นเดินเข้ามาถามทางจ๊ะจ๋าเป็นภาษาญี่ปุ่นเลย จับใจความได้ว่าเค้าอยากรู้ทางไป Dotonbori นังคนนี้ก็ชี้ทางให้เลยค่ะ ไม่พูดอะไรซักคำ เพราะพูดไม่เป็น 5555 เค้าก็อาริกาโตะแล้วเดินไป ยังงงว่าหน้าฉันเหมือนสาวญี่ปุ่นขนาดนั้นเลยหรอ 555
เดิยสักพักก็มาถึงที่ Dotonbori แล้วค่า คึกคักมาก
นี่ร้านปูชื่อดัง คนเข้าคิวเนืองแน่น ขอบายยยยย
ร้านทาโกะยากิขึ้นชื่อ ดูคิวซะก่อน ธรรมดาซะที่ไหนล่ะ
ด้วยความหิวก็เลยสุ่มเข้าร้านเลยค่ะ เลือกร้านโอโคโนมิยากิสักร้านนึง ไม่รู้ชื่อร้านต้องขออภัยค่ะ
คืนแรกก็ทานโอโคโนมิยากิตอนค่ำ คืนที่ 2 ก็จัดไปตอน 3 ทุ่ม เริ่ดมาก
แต่ว่ารสชาติร้านนี้ไม่อร่อยเลยค่ะ ของคืนแรกไปทานที่ BOTEjYU ค่ะ ร้านนี้อร่อยเวอร์ และได้ข่าวว่าเพิ่งมาเปิดที่ไทยแล้วด้วย เริ่ด!!
เนื่องจากวันที่ 2 เดินเที่ยว Dotonbori ได้นิดเดียว เพราะมาดึกแล้ว พอ 3-4 ทุ่ม ร้านค้าก็ปิดกันเกือบหมดแล้วค่ะ เอาไว้มาอีกทีพรุ่งนี้ละกัน